ต๋าจี่ (Daji: 妲己) สนมคนโปรดของพระเจ้าโจ้ว (กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชาง) เรื่องราวของต๋าจี่ถูกกล่าวถึงในด้านความโหดเหี้ยมโดยปรากฏอยู่ในตำนานสมัยราชวงศ์ถังเล่าย้อนว่านางเป็นสาเหตุแห่งการล่มสลายของราชวงศ์ชาง เวลาต่อมาจึงเกิดลัทธิบูชาจิ้งจอกและกลายเป็นความเชื่อที่เสมือนความจริงถึงกับมีการสร้างศาลเจ้าปีศาจจิ้งจอกต๋าจี่ขึ้นมาบูชาจนต้องมีการออกคำสั่งให้ทำลายศาลเจ้าทิ้ง


ซูต๋าจี่ (Daji: 妲己)
ภาพ: Investiture of the Gods

เดิมทีนั้นต๋าจี่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีรูปโฉมงดงามชนิดเพียงแค่เห็นก็ชวนให้รู้สึกหลงใหล นางเป็นชาวเผ่าซู (แคว้นซู) จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม "ซูต๋าจี่" (Su Daji: 苏妲己) หมายถึง "นางจี่แห่งเผ่าซู" ในเวลานั้นกองทัพราชวงศ์ชางที่เกรียงไกรกรีฑาทัพเข้าประชิตแคว้นซูหลังจากไม่ได้รับเครื่องบรรณาการตามกำหนดการณ์ เจ้าแคว้นซูไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจส่งต๋าจี่เข้าไปเป็นสนมรับใช้พระเจ้าโจ้ว

จุดเริ่มต้นของตำนานเกิดจากการที่ครั้งหนึ่งพระเจ้าโจ้วเดินทางไปสักการะเจ้าแม่หนี่วาที่วิหาร แต่เมื่อพระเจ้าโจ้วเห็นรูปสลักที่งดงามของเจ้าแม่หนี่วาจึงเกิดความหลงใหลถึงกับเอ่ยออกมา (บ้างว่าเขียนโคลง) ทำนองว่า "หากได้เจ้าแม่มาเป็นมเหสีคงจะดีไม่น้อย" นั่นจึงเป็นเหตุให้เจ้าแม่หนี่วาพิโรธอย่างรุนแรงถึงกับส่งปีศาจ 3 ตน ได้แก่ ปีศาจจิ้งจอก ผีไก่ฟ้าเก้าหัวและภูตพิณหยก มาสร้างความเดือดร้อนแก่พระเจ้าโจ้วที่บังอาจลบหลู่พระนาง

เมื่อปีศาจจิ้งจอกเห็นรูปโฉมที่งดงามชวนหลงใหลของต๋าจี่จึงสบโอกาสเข้าสิงร่างของนางและใช้มารยาทำให้พระเจ้าโจ้วหลงหัวปักหัวปำ ไม่ว่าสนมต๋าจี่ปรารถนาสิ่งใดพระเจ้าโจ้วก็จัดให้ไม่ขาดตกบกพร่อง แม้กระทั่งการลงโทษขุนนางคนสนิทด้วยวิธีการที่สุดแสนทรมานเพื่อให้นางพึงพอใจ กิจการงานเมืองขาดเสถียรภาพ สุดท้ายพระเจ้าโจ้วผู้เคยปรีชาสามารถก็กลายเป็นทรราชจอมโฉดที่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ก่นด่าสาปแช่ง

กล่าวกันว่าต๋าจี่มีเท้าแปไม่เข้ารูป นางจึงขอร้องพระเจ้าโจ้วออกคำสั่งให้สตรีในวังรัดเท้าเพื่อให้เท้ามีรูปทรงเหมือนเท้าของนางและกลายเป็นมาตรฐานความงาม

การเห็นคนอื่นทนทุกข์ทรมานคือความสุขสำราญของสนมต๋าจี่ มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งสนมต๋าจี่เห็นชาวนาเดินเท้าเปล่าบนพื้นที่เย็นเป็นน้ำแข็งนางถึงกับสั่งให้ตัดเท้าของชาวนาเพื่อมาดูว่าเหตุใดจึงทนอุณหภูมิต่ำได้ การผ่าท้องของหญิงตั้งครรภ์เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายในท้อง แม้แต่การนำหัวใจของขุนนางออกมาเพื่อพิสูจน์คำกล่าวของคนโบราณว่าหัวใจของคนมีเจ็ดช่องจริงหรือไม่ เหตุการณ์บางส่วนนี้สะท้อนถึงความซาดิสม์ในตัวของนาง

เมื่อกิจการบ้านเมืองเป็นไปด้วยความล้มเหลวจึงสบโอกาสให้ราชวงศ์โจวนำกองกำลังเข้าปะทะราชวงศ์ชางจนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ยุทธการมู่เหย่" (Battle of Muye) เมื่อ 1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช ราชวงศ์โจวมีเจียงจื่อหยาเป็นผู้นำทางการทหาร ตามตำนานเล่าว่าการต่อสู้ครั้งนี้ลุกลามบานปลายไปถึงชั้นสวรรค์เมื่อเหล่าเทพเซียนมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่สุดท้ายแล้วกองทัพราชวงศ์โจวภายใต้การบัญชาทัพของเจียงจื่อหยาก็เป็นฝ่ายกุมชัยชนะ ราชวงศ์ชางที่เคยเกรียงไกรจึงสิ้นสุดลง พระเจ้าโจ้วปลงพระชนม์ตนเองไปพร้อมกับสมบัติมากมายในเปลวเพลิง

ทางด้านต๋าจี่เมื่อรู้ว่าไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้จึงพาพวกพ้องปีศาจหนีไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าแม่หนี่วา แต่เจ้าแม่หนี่วาเห็นว่าสิ่งที่ต๋าจี่ทำนั้นรุนแรงเกินกว่าเหตุไปมากทั้งยังสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่มวลมนุษย์จนผู้บริสุทธิ์มากมายต้องบาดเจ็บล้มตาย เจ้าแม่หนี่วาจึงส่งต๋าจี่และเหล่าปีศาจให้เจียงจื่อหยาสำเร็จโทษเป็นอันจบสิ้นตำนานปีศาจจิ้งจอกต๋าจี่